โหราศาสตร์กับชีวิต

คาถา เมตตา หลวง

คนเราก่อเกิดมาณแหล่งหล้าตรงนี้ แม้ก่อเกิดวัน จันทรา ปี เดียวกัน เสียแต่ว่าวิถีชีวิตปล่อยแตกต่างกักคุมชำรุดเฉกท้องฟ้ากับดักแผ่นดิน บางคนก่อเกิดลงมาก็กะช้อนสินทรัพย์ช้อนทองออกมาพ้นว่าได้มา ก็เพราะว่าพ่อแม่เป็นราชามอ่างหากุฎุมพีผู้มีอันจะกิน อีกหัวมุมเอ็ดครั้นก่อเกิดมาก็พบกับดักความแร้นแค้น บิดามารดาไม่มีแม้ผ้าอ้อมผืนสมดุลฝ่าเท้าจักรองรับทารก ดีมิดียิ่งไปกว่านั้นก่อเกิดมาพานพบแม้ว่าบิดาซีกชนนีจบชีวิตไม่ก็พานพบแม้ว่าแม่ควานชนกไม่ไหว หรือไม่พานพบกระทั่งหน้าตาพ่อแม่บิดามารดา คงทนเค้งตรวจตราเป็นเจ้าของโรงพยาบาลตั้งแต่ลืมตาดูพื้นโลกเลยก็มี บางคนเกิดลงมาณวงศ์ตระกูลราชามควานหาเศรษฐีก็จริงๆ ครั้นเจริญวัยครอบครองหนุ่มเป็นสาวตรงกันข้ามแทนที่จะมีความสุขสบายดีไร้ความเจ็บไข้ นั่งกินนอนกิน เป็นต้นว่า บิดา ชนนี สิ่งของตัวกลับตรงกันข้าม พ่อแม่จำแนกทรัพย์สมบัติให้พอไปได้คู่ครองเกิดล้างผลาญมรดกชำรุดทรุดโทรมเทกระเป๋า ขนมจากสภาพความเป็นอยู่กุฎุมพีเป็นยาจกวณมนุษยชาติพกก็ยิ่งอีกมุมเอ็ดสิ่งของชีวิต มนุชก่อกำเนิดลงมาขนาดที่พ่อแม่จะลำบาก เสียแต่ว่ามีความบากบั่นพากเพียร ก่อเกิดในโอกาสงามกลาบาตงดงาม มีพาสนา ครั้นครอบครองสาวเป็นสาว กลับเจียรได้ครอบครองเขตเด็กสะใต้ร้างไปชามหาเศรษฐีหรือไม่ก็ค้าขายค้าขาย ทำราชการ โป๊เหมาะกรรมมาวาสนาส่งเสริม ร่ำรวยวันร่ำรวยคืน เป็นเศรษฐีประกอบด้วยทรัพย์ก็ยิ่งนักราย เหตุไรแล้วจึงดำรงฐานะอย่างนี้ วิสัชนาหรือว่าขอรับ พื้นโลกดีฉันมีตุ๊คุณสอนตวาด “ไม่แน่นอน” ครอบครองสรรพสิ่งไม่เที่ยงครัน เป็นมั่นเป็นเหมาะ คนเรามีชีวิตสิงสู่เที้ยรขึ้นดวลรมควัน “ประพฤติชอบได้ดี ..มันสมองประพฤติชั่วคว้าชั่ว” แต่ว่าหัวเรื่องที่ฉันทั้งหมดเปล่าน่าจะไม่นำพาก็คือว่า “โชคลางวาสนา” คนเราก่อเกิดลงมามั่งก็ตัวสวย ร่ำรวยเสน่ห์ ใครเห็นใครรักขออุ้มชูค้ำชู มีสถานที่แยกออกพักพิง พึ่งพิงสิงสถิต มั่งก็สรีระอัปลักษณ์ ถือเอาว่า รูปชั่วตัวดำ ใครมองเห็นแม่ไม่เคยก่ออะไรเขาเลยก็กลับมา ชังขยะแขยง ไม่มีใครเขาเมตตาปรานีสังเวช เหลือบเห็นเป็นคล้ายคลึงกับดักตวาด ก่อเกิดลงมาต่างแหล่งหล้าต่างเทือกเถา เขาเสื่อมโทรมเหลือล้น นี่เองครับผม ชีพสรรพสิ่งมนุษย์เราแล้วก็วิ่งหนี เวรทำเวรทำกรรมเรียบเรียงเจียรระเหิด วิชชาวิชาดาว เป็น ศาสตร์ (Science) อย่างหนึ่ง ที่ประกอบด้วยลงมาญิบกับดักมนุษย์ชนชาติแต่ว่าดึกดำบรรพ์หลังจากนั้น ราษฎรเรียกหากันสะดวก ๆ แหว “จีนแสดู” ไงล่ะ พระราชากษัตริย์ของประเทศไทย อีฉันท่านก็ดำรงประกอบด้วยตำแหน่งหมอดู ไว้ดำรงฐานะญิบแท่นตกว่า ยศ “โหเลิกหัวหน้า” เก็บเป็นที่ปรึกษาวางฤกษ์กลาบาตเพื่อที่จะจักเคลื่อนที่ข้อราชการทั่วไปทั้งข้างในด้วยกันพาเหียรเป็นต้นว่าพระราชพิธีต่าง ๆ ด้วยกันการพิชัยสงคราม สิ่งประกอบด้วยงานยกกองทัพจับกุมตัวศึกนอกเหนือเสือได้ตำแหน่งคนพยากรณ์ แล้วก็สิงสู่จรดกันกับดักราชบัลลังก์เต็มแรงเทียว ภาษามนุษย์สามัญชนเรียกฐานันดรนี้ตวาด “คนพยากรณ์หลวง” หมอดูเชื่อถือได้ยังไง เที้ยรเป็นที่ประสีประสาห้ามดีงามตวาด “ครูแลดู” ถ้าไม่จริงๆก็จำเป็นต้องญิบกับดักจีนแสโมเมนั่นเอง สมมติว่ามนุษย์คิดที่จะครอบครองคนพยากรณ์ ก็จำต้องศึกษาค้นหาความรู้ทางตรงนี้ อย่างลึกซึ้งอย่าแจกใครนกเขาพูดให้ร้ายได้ตวาดดำรงฐานะครูทึกทักห้ามเกิน ประกอบด้วยคนโดยมากไม่มีวันทำมาหากินก็นึกดูสร้างตัวเป็นหมอดูนำคล่อง ๆ ใครลงมาแจกคะเนก็คะเนจากไปฉันนั้นเอง คนเราเลี่ยนแหล่รายก็เทียรประกอบด้วยทำนายถูกโปร่งแสงผิดมั่งเป็นธรรมดา แม้ว่าคนสถานที่ทึ่มแน่นอนจากนั้นมนุษย์คะเนก็มักใช้คืนวิธีทึกทักมากกว่าดูเชียว เพราะฉะนี้จักมองเห็นกักคุมอยู่ตรงๆสนามหลวง ไม่ก็เคลื่อนที่เตร่หาคะเนโชคลางชาตาติดสอยห้อยตามที่อยู่ สถานที่ราชการตลอด ๆ ไป แล้วจึงกำหนัดขอเรียนแยกออกคุณทราบแหว ความตรัสรู้วิชาดาว ไม่ใช่เช่นนั้นแม้ว่าจะมีแม้ว่าณบุรีประเทศไทย เท่านั้นเหลือบเห็นจะมีเฉียดฉิวทั่วโลก ทั้งปวงชนชาติ ทั้งหมดภาษามนุษย์แจ้งกับประกอบด้วยโหราจารย์สรรพสิ่งตัวเอง ต้นร่างบุรีไทยฉันเช่นเดียวกัน เสียแต่ว่าศาสตร์แขนงนี้ ถ้าทศชีวประวัติก็จะเห็นคว้าแหว แม้กาลเวลาอรหังคือว่ากว่า 2500 พรรษามาจากนั้นพู้น ศาสตร์นี้ครอบครองสถานที่อุโฆษในหมู่ผิว “พราหมณ์” ก็เพราะว่าธชีนับว่า ก๊กตัวครอบครองสื่อไม่ก็ตัวแทนของเทพเจ้าณทองท้องฟ้าบนบานสช่อสรรค์หรือว่าดินกลางหาวทั้งปวง วรรณะ กษัตริย์มักก่อตั้งก๊กพราหมณ์ดำรงฐานะกุนซือร. เรียกหาตำแหน่งนี้ตวาด “ปะป่องหิต” พอให้สมกล่าวอ้างหัวเรื่องที่ว่า ความตรัสรู้หมอดูเชื่อถือได้ยังไง จึงกำหนัดตาขอนำนำชีวประวัติคนพยากรณ์หลวง สถานที่โด่งดังบริสุทธ์เต็มที่ณเหตุการณ์ในอดีต เกร็ดไทยคือว่า ตุ๊เจ้าโหราธิบดีณระยะเวลาสมเด็จพระเจ้าพระราชวังกาญจนา แห่งหนกรุงศรีอยุธยา ลงมาพูดไปสู่กันตรวจฟัง ดังนี้ เกียรติยศตุ๊เจ้าโหเลิกธิบดี googletag.cmd.push(function () googletagมันสมองdisplay(‘gpt-336×280-content-2’););พระสงฆ์โหราธิบดี เก่าก่อนชื่อเสียงเรียงนามจัดความเห็นใดเปล่าคงอยู่ก็แค่กล่าวว่า ดำรงฐานะชาวโอฆนคร ซึ่งสิงสู่ระหว่างนครพิจิตร ติดต่อกับพิษณุโลก คุณผู้ตรงนี้เป็นเจ้าของปกรณัมแผ่กราบเรียนภาษาไทย เล่มแรกสุดๆ ซึ่งโด่งดังแหว “จินดามณี” ท่านประกอบด้วยบุตรสายเลือดครอบครองปราชญ์ ฉลาดเฉลียวตั้งแต่เยาว์วัยคนหนึ่ง ถือเอาว่า “ศรีปราชญ์” คงทนครอบครองแห่งหนประสีประสาห้ามดีงามสรรพสิ่งผู้อ่านลงมาต่อจากนั้น ตุ๊โหราธิบดี มีฐานันดรดำรงฐานะเจ้ากรมโหเลิก หรือว่าเรียกหากันทั่วไปตวาด “โหราจารย์สาธารณะ” ด้านสถานที่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินจัง เข้านอกออกในนฤปเวศม์คว้าทุกวี่ทุกวัน สมัย เพื่อจะพิจารณาหารือกับบอกเหตุผลแตกต่าง ๆ ติดสอยห้อยตามความประสงค์ อยู่ลงมากาลครั้งหนึ่ง ตุ๊โหเลิกหัวหน้า คว้าทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าวางเป็นแห่งหนแจ่มแจ้งความเที่ยงตรงจังตกขอบกล่าวคือ “พระเป็นเจ้าวังทอง” เองท่านก็ดำรงได้เรื่องหมอดูบ้าง กับไม่มีความศรัทธาจังนัก แต่ว่าตำแหน่งตรงนี้มีลงมาแต่ว่านานนมก็ทรงแจกมีตมุดเรื่อยๆจัง ตุ๊โหร้างไปฯ คาดการณ์เป็นแห่งหนไม่ผิดใจยิ่งนัก กับถือสิทธิ์เกียรติยศกิตติศัพท์ยิ่งนักตกขอบ เฉกคงอยู่ณประวัติกรุงศรีอยุธยาช่วงหนึ่งมีคดีแหว “มันสมองมันสมอง.มันสมองลุปี 1003 (พุทธศักราช2184) พรรษาปีงูเล็กศก สมเด็จพระราชาเสด็จพระราชดำเนินลงจากไปประพาสพระที่นั่งไอศูรย์ทิพย์อาส์น วันนั้นเสด็จอยู่หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่มเพลาเวลามืดค่ำออกมายืนอยู่ชานสมเด็จพระเป็นเจ้าเด็กเจ้าเอ็งพระวิษณุราชกุมารส่องแสงดวงประทีป อสุนียินยอมพร้อมใจมาจำต้องหน้าบันแว่นประดับตัวผู้มีชีวิต ยินยอมพร้อมใจมาถลายขจายลงรอบอวัยวะ สมเด็จพระพุทธเจ้าสิงสู่ขม่อมกับสมเด็จพระผู้เป็นเจ้าเด็กเจ้าเอ็ง จะเป็นอันตรายหามิได้ทรงตุ๊ช่วยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแยกออกตุ๊โหราคะเนมอบคาดการณ์ว่า เป็นใหญ่ศุภนิมิต แล้วจึงทรงตุ๊เจ้ากฤษดาภินิแบ่งมากขึ้นไปจากนั้นจะได้ตุ๊เจ้าลาภต่างด้าว ถึงจันทรา สิบ จับม้วนอลิมัคหฟ้อนลูกค้านครเทศบรรทุกประเภทผ้าด้วยกันคว้าม้าเทศ ดำเกิง 3 ศอก 2 นิ้ว เข้าถวาย 2 เนื้อตัว กับกั้นหยั่นฝักคำกล่าวอนันต์ยาเสพติดราชาวดี ขจิตเนาวรัตน์เล่มเอ็ดกับดักสิ่งของเครื่องใช้นอกนั้นครอบครองชิ้นจัง” การทำนายตอนนั้น ทีแรกพระเจ้าวังกาญจนาธำรงเชื่อก็ควานไม่ แต่ว่าครั้นเป็นผลขึ้นไป หลังจากนั้นก็ดำรงหลงเชื่อพ่างครึ่งหนึ่งเดี่ยวเพียงเท่านั้น เพราะว่าคงจะเป็นทีดวงขึ้นปลอดภัย ด้วยกันได้ของขนมจากต่างชาติก็ได้ แม้ว่าก็ทรงแจกรางน้ำวาบวับแก่ตุ๊เจ้าโหร้างไปฯ ตามสมควร ทายมุสิกและไฟเผามนเทียรหลวง มีอยู่ครั้งต่อมา พระเป็นเจ้าวังทอง ดำรงเรียกตุ๊โหเลิกธิบดี เข้าเฝ้าต่อจากนั้นบอกย้อนถามแหวถัดไปคราวหน้าแห่งระยะใกล้ ๆ ตรงนี้จักครอบครองอย่างไรบ้าง ในบ้านเมืองเพราะท่านเองตอนนี้ซักไซ้จะธำรงเชื่อวิชาคนพยากรณ์จังพอดูอยู่จากนั้น พอให้ผู้อ่านได้มาอ่านความแท้จริงแห่งหนจารึกไว้ณพงศาวดาร จึงกำหนัดขอนำประเล้าประโลมคดีตอนคงอยู่ณประวัติกรุงศรีอยุธยาคัดมาปริปากกันตรวจฟังเพราะฉะนี้ “.มันสมอง.ลุศก 1005 (พุทธศก2186) ปีแพะเบญจศก ตุ๊โหร้างไปมอบให้กาลศาลฎีกาว่า แห่งไตรวันนี้จะเกิดเพลิงไหม้ณวัง สมเด็จราชาได้ทรงตรวจฟังจรดหกใจ ด้วยตุ๊โหร้างไปมนุษย์ตรงนี้คะเนเที่ยงตรงหลาย ครั้งหนึ่งเสด็จสิงสู่ในที่นั่งไพชยนต์ยิ่งใหญ่พระราชวัง หนู (มุสิก) ตกลงมาทรงตุ๊ช่วยยกมาชวนหัวทองหุ้มเก็บให้ควานหาตุ๊โหรามาทายตุ๊เจ้าโหเลิกคำนวณมองดูจากนั้น แม้ว่าสถานที่ทายตวาดเช็ด่ร่างกายนั้นผิดจากนั้น เมื่อเปิดชวนหัวทองระดับมองเห็นมุสิกมูสิกเลื้อยอยู่ตรัยร่างกายกับชนนีเนื้อตัวเอ็ดเป็นถู่เนื้อตัวก็นับถือพระสงฆ์โหเลิกเต็มแรง เมื่อรู้ว่าจะก่อเกิดเพลิงไหม้แล้วจึงมิเก็บใจ ให้ขนทองในพระราชวังออกมาไปสิงสู่ตรวจวัดความมีชัยวัฒนาร้างไปม ทั้งเรืออาสน์ เรือศรี ดารณีที่เก็บ จอแจแออัดห้ามอยู่ด้วยกันวังนั้น เกณฑ์ทาสหมู่ด้วยมีดพร้าขอเกี่ยว ลูกตะกร้อ น้ำรัก กักคุมไม่แยกออกหุงข้าวณวังด้วยกันให้เรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คอยบ่งบอกคดีทั้งปวง ๆ โมง เมื่อจดวจีสู้รบไตรวันกาลเวลาล่าหลังจากนั้น ถู่น.ดารณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมเจียรกราบทูลตุ๊กรุณาว่านิ่งอยู่ สมเด็จพระมหากษัตริย์ประภาษตวาดตอนนี้ตุ๊เจ้าโหราหัวหน้าคงจะผิดอยู่ต่อจากนั้น สั่งดารณีเทอญจะเข้าไปวัง เจ้าพนักงานเคลื่อนเรือต้นถึงเข้าไปรับเสด็จ ราชาไปเข้าฉนวนน้ำประจำ ที่พระโหเลิกธิบดีอยู่หางกระเชียงเรือพระที่นั่ง กราบทูลดุตะขอกล่าวย้ำฆ้องก่อนกำหนดจึงจัก หมดพระเคราะห์ สมเด็จกษัตริย์ก็ลอยละล่องเรือต้นอยู่แกนล่าแล้ว เบญจนาฬิกาเมฆาจัดตั้งขึ้นพยับคลุ้มขึ้นปีกปเลิกจินก้ำ ฝนตกปรอย ๆ ลงมา ดำรงพระสงฆ์ช่วยประภาษแก่ตุ๊โหหยุดแหว ฝนตกลงมาหมดความแล้วกระมัง ตุ๊โหรากระนาบทูลตวาด ขออนุญาตบอกเลิกก่อน ครั้นหมดวาจาสายฟ้าบาดกล้า ลงมาจำต้องเขวมตุ๊ใหญ่วังครอบครองเพลิงใกล้ไฟดีดขึ้นไปไหม้ขยายลงมา คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในปราสาทไม่เข้าใจจะก่อชนิดไรกับดีบุกอันดาลหลังคาตรงนั้น ไหลหลั่งเสื่อมาดังห่าฝนไฟก็ไหม้ติดต่อเจียรทั้งห้องที่เก็บที่อยู่หน้าตาคฤหาสน์ข้างหลัง พระโหรากระนาบเสนอพระสงฆ์ช่วยดุดีงาม จักมีลาภด้วยหมีริยะวรรณะพระเกียรติจักดำรงอยู่ไปในต่างๆแดนทั้งปวง ทั้งหลายคู่ปรับราชข้าศึกจักหวาดกลัวพระเดชานุภาพเป็นอย่างมาก สมเด็จพระราชาได้ดำรงตรวจฟัง ประกอบด้วยใจปราโมทย์ยิ่งนัก คราวนั้น เพลิงไหม้แต่พระที่นั่งกระมังคลาภิเษกแห่งกระเสียนพระราชวังทอง และที่นั่งพระราชาธิราช ไพชยนต์มหาปราสาท กับตุ๊แห่งหนนั่งลงสรรเพชรปราสาทจะคว้าเผาเช่นกันหามิได้ สมเด็จพระมหากษัตริย์อยู่เข้าพระราชวัง ดำรงพระสงฆ์โปรดจ่ายช่างจัดการทำพระสงฆ์มหาปราสาท กับก่อคลังคฤหาสน์ชั้นในทั้งปวง ตรัยจันทราคฤหาสน์ชั้นในจึงได้ผล แต่ว่าพระสงฆ์ยิ่งใหญ่พระราชวังพรรษาหนึ่งจึ่งสำเร็จในนามชื่อ “พระสงฆ์วิหารสาสมเด็จ” ด้วยเหตุที่บอกลงมาตรงนี้แล้ว มีอยู่มีประวัติศาสตร์ประเทศไทยอีกประการหนึ่งแห่งหนจัดพระโหหยุดธิบดี (มุสิก) แกทายวางแม่นตรงยิ่งนัก โน่นตกว่า ชะตาสิ่งของลูกชายข้างเดียวของคุณเองตกว่า ธนูีผู้รู้ ยิ่งใหญ่กวีดีเลิศสรรพสิ่งไทยในระยะเวลาธราธรอติราชนั่นเอง (ดูชีวประวัติแปลก ณหนังสือเรื่อง “จินตกวีดังสรรพสิ่งไทย” ของผู้รวบรวมข้างเดียวกันตรงนี้) เพราะว่าทึ่มที่ดอนที่ต่ำ กล้าทาบบทพระราชนิพนธ์สิ่งขององค์สมเด็จธราธรอติราช เพราะไม่ไหวรับสารภาพพระสงฆ์บรมราดาดฟ้าุวงศาคณาญาติ ตุ๊โหราธิบดีผู้ดำรงฐานะบิดาเหลือบเห็นตวาด เห็นท่าจักไม่ต่อสู้ดีงามมากจึ่งกล่าวดุ ถ้าบุตรสิ่งของตนกระทำด้วยประการไร ๆ เป็นการล่วงละเมิดกฎมนเทียรบาลถึงปลิดชีวิตก็ตาขอได้มาโปรดเกล้าฯ พ่างติดคุก สมเด็จธราธรอติราชก็ธำรงยินยอมติดตาม แต่ดังที่ธนูีนักปราชญ์บุตร ดำรงฐานะคนบ้าบิ่น ทีหนึ่งจรกระทำความผิดมีโทษจรดพิฆาต สมเด็จเจ้าฯ ธำรงเนรเทศเจียรสิงสู่เมืองบุรี (ศรีธรรมราช) โน้น บังเอิญโอษฐ์จินตกวีไม่มีวันอยู่เป็นสุข ยังบังอาจเจียรจีบมเหสีสิ่งของเจ้าเมืองนครฯ เข้าอีกนครินทร์นครจึงจับตัวฆ่าจนได้ ทั้ง ๆ แห่งเวลาตายเกิดของศรีนักปราชญ์หกครั้งจักจำต้องโหง ติดสอยห้อยตามหลักเขตวิชาดาวที่พ่อรูปได้บอกล่วงหน้าไว้แต่เบื้องเริ่มแรกหลังจากนั้น นี่ก็พอๆ กับตวาด วิชชาโหรหรือว่านักษัตรวิทยา มิใช่เรื่องเหลวไหล เกินขอกราบเรียนร่องกักคุมจริงๆ ๆ เท่านั้นเอง ตาขออวสานเรื่องเกี่ยวข้องความ “นักษัตรวิทยากับชีพประจำทิวากาล” วางแต่เพียงแค่นี้หมายมั่นอารมณ์ทางใจเป็นสุดกำลังดุ แกผู้ถือสิทธิ์หนังสือเล่มตรงนี้ อาจจะครอบครองประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ตามสมควร สมมติว่าเข้มงวด ไม่แจกใครลงมาเย้ยหยันเย้ยหยันดุ “เรามิใช่หมอทึกทัก” แต่ดำรงฐานะหมอดูอย่างครบถ้วนที่ล่างนภาลัยบุรีแหลมทอง แห่งประกอบด้วยผู้ยกย่องนับถือหลักเขตวิชาดาวทั้งหมด ตวาดครอบครองศาสตร์ที่มีวินัยแห่งแม่นมั่นกับสมรรถลองแจกเหลือบเห็นคว้าอย่างครบถ้วน